เปิดกรุแฟชั่น "มาร์ช" ดึงดูดใจด้วยสไตล์เรียบง่าย


เป็นอีกหนึ่งขวัญใจสาว ๆ หลายคน สำหรับหนุ่มหน้าใส มาร์ช- จุฑาวุฒิ ภัทรกําพล ที่หากสังเกตแฟชั่นของเขา จะเห็นว่าเป็นแนวดูเรียบง่าย แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจ

เป็นอีกหนึ่งขวัญใจสาว ๆ หลายคน สำหรับหนุ่มหน้าใส มาร์ช- จุฑาวุฒิ ภัทรกําพล ที่หากสังเกตแฟชั่นของเขา จะเห็นว่าเป็นแนวดูเรียบง่าย แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจ วันนี้ “สตาร์ เทรนดี้” ไม่พลาดไปค้นสไตล์หนุ่มมาร์ชตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมมุมมองแฟชั่นของเขาแบบเอ็กซ์คลูซีฟมาฝากแฟน ๆ กัน

สไตล์เปลี่ยนไปเรื่อย

“สไตล์การแต่งตัวของผมไม่รู้จะเรียกยังไงนะ แต่เราดูเป็น ชิ้น ๆ มากกว่าว่าเราชอบแบบอะไร พออยู่ในตู้ก็จะหยิบมันมาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แต่ผมไม่ค่อยชอบแต่งแนวเดียวครับ”

ชื่นชอบยีน เน้นความเรียบง่าย

“หากพูดถึงเนื้อผ้า ผมเป็นคนชอบยีน ผมไม่ชอบเสื้อผ้าแบบ รก ๆ แต่ชอบแนวเรียบ ๆ มากกว่า ซึ่งยีนก็เป็นแนวนั้น เราไม่ชอบแต่งตัวแล้วเด่น ผมไม่มั่นใจเวลาที่แต่งออกมาแล้วมันดึงดูดด้วยลายเยอะ ๆ หรือสีฉูดฉาด อย่างกางเกงยีนผมมีทุกแบบเลย เยอะมาก ทั้งผ้าดิบ ผ้าฟอก สไตล์ขาด ๆ ส่วนตัวโปรดผมมีหลายตัว ตัวที่เป็นผ้าดิบ คือผ้าที่ยังไม่ได้ฟอก แล้วลายของกางเกงจะเกิดจากการที่เราใส่เดินไปเดินมา มันจะเข้าพอดีกับตัวเรา ผมรู้สึกทรงมันสวยเหมาะกับเรา ลายก็ขึ้นเป็นแบบของตัวเราเองด้วย และจะมีอีกแบบจะเป็นแนวฟอกแล้ว ขาดมาแล้ว มันจะมีรุ่นหายาก ของ “อีฟ แซงค์ โรลองค์” คือมันหมดซีซั่นนั้นไปแล้ว และเราไปเจอในร้านมือ 2 ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็โชคดีที่เจอแล้วเป็นไซซ์เราพอดีครับ ผมถูกใจที่มันเป็นแบบเซอร์ ๆ ขาด ๆ สวยดี ใส่ออกงานหลายครั้งเหมือนกัน ส่วนแจ๊กเกตยีนผมจะชอบแบบกระดุมมากกว่า ในตู้ไม่มีซิปเลย”..

สีโปรดดำ ขาว ครีม

“โทนสีโปรดของผมจะเป็นสีขาวดำครับ แต่สีดำเป็นสีที่โปรดที่ สุด แต่หลัง ๆ มาผมก็ชอบสีครีมมากขึ้น รู้สึกว่าสบายตา เพราะสีขาวเหลืองง่าย แต่พอเป็นสีครีมก็ดูไม่เก่า ด้วย คือผมชอบใส่เป็นแนวเสื้อยืดธรรมดานี่แหละ จริง ๆ ผมมีเสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล เยอะมากเลยแต่ไม่ค่อยได้ใส่ เพราะอากาศมันร้อน”

ออกงานลงตัวที่สูทและเชิ้ต

“เวลาออกงานทางการมาก ๆ ผมจะไม่ค่อยได้เตรียมสูทเอง มีคนเตรียมให้ ผมเลยยังไงก็ได้ ก็เป็นตุ๊กตาให้เขาแต่งตัวไป แต่ถ้าเรามีโอกาสได้เลือกเอง ผมชอบสูทสีดำ เรียบ ๆ ไม่ชอบเนค ไท ถ้าเลือกได้ผมขอไม่ผูกอะไรที่คอเลย (ยิ้ม) เพราะ เราชอบง่าย ๆ เสื้อเชิ้ตกับสูทก็พอครับ”

ชอบรองเท้าบู๊ตที่สุด

“จริง ๆ ผมมีรองเท้าทุกแบบ เพราะเป็นคนชอบรองเท้าครับ แต่รองเท้าบู๊ตจะมีเยอะมาก คือคนอื่นก็มองไม่ออกนะว่าแต่ละคู่ต่างกันยังไง มันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น พื้นสีต่างกัน ผ้าเย็บต่างกัน ทรงต่างกันนิดนึง โค้งน้อยกว่า คือพอเราอิน เราก็จะเห็นรายละเอียดพวกนี้ เราใส่บู๊ตเปลี่ยนกัน 5 วันติด คนก็หาว่าใส่คู่เดิม (ยิ้ม) ที่ผมชอบบู๊ตเพราะว่ามันเข้ากับยีน ส่วนการเลือกมาแมตช์กัน ผมว่ามันแล้วแต่ชอบนะ มันได้หมด ส่วนรองเท้าผ้าใบผมจะใส่แบบเน้นที่สบายเป็นสำคัญ วันที่เราเดินเยอะ ๆ ก็จะใส่ผ้าใบ ผมเคยมีคู่ตามเทรนด์สวย ๆ แพง ๆ พอใส่แล้วไม่สบาย เลยจะเน้นที่สบายไว้ก่อนครับ”.

สะสมสตั๊ด

“รองเท้าสตั๊ดก็เป็นอีกอย่างที่ผมสะสม มีเยอะมาก มันก็ไม่ค่อยจำเป็นหรอก (ยิ้ม) เพราะอาทิตย์นึงเราเตะบอลแค่ครั้งเดียว และคู่นึงเราก็ใส่ได้ 2-3 ปี ซึ่งมันทน แต่เราชอบนะ ผมชอบฟุตบอลมาก เวลาที่เราเห็นนักบอลที่เราชอบใส่ เราก็อยากมีบ้าง อยากเก็บไว้ คือจริง ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจเก็บนะครับ แต่ซื้อไปเรื่อย ๆ มันก็เยอะเอง”

นาฬิกาต้องใส่ทุกวัน

“เครื่องประดับติดตัวผมเป็นนาฬิกาครับ ต้องใส่ทุกวัน ส่วนสไตล์ก็เปลี่ยน ไปเรื่อย ๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสายเหล็ก ผมว่ามันใส่ได้ทุกกาลเทศะ อย่างวันนึงเรามีหลายกิจกรรม ไปงานชิลชิล เราก็ใส่สายเหล็กได้ ไม่ได้ดูทางการเกินไป ในวันเดียวกันมันก็ใส่ออกงานก็ได้ เพราะเหล็กสีเงินก็ดูดีครับ”..

สร้อยข้อมือติดตัว

“ผมเป็นคนที่ใส่สร้อยคอไม่ได้ แพ้ที่คอ เคยห้อยพระ ก็ใส่ไม่ได้ ลองมาทุกแบบแล้ว ยกเว้น เชือก แต่พอเป็นเชือกมันก็ขาดอีก ส่วนสร้อยข้อมือก็มีใส่ติดตัวเส้นนึง เป็นสไตล์เชือกสีดำ คือพี่แอน ผู้จัดการผมเป็นคนให้ เส้นนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องโชคลางอะไรเลย แฟชั่นอย่างเดียว คือผมถูกใจตรงที่พี่แอนให้นี่แหละ เวลาได้รับของจากใครตอนใช้ก็นึกถึงคนที่ให้ครับ”

ชอบช้อปที่เกาหลี ญี่ปุ่นเป็นพิเศษ

“แหล่งชอปปิงสุดโปรดของผมไม่มี ห้างหรือข้างถนนก็ซื้อได้หมด แต่ย่านชอปปิงที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีผมจะชอบเป็นพิเศษ เพราะเราไปซื้ออะไรแล้ว กลับมามันไม่ซ้ำคนอื่น อย่างเสื้อยืดซื้อในไทย เดินยังไงเดี๋ยวก็ต้องเจอคนที่ใส่ซ้ำ แต่ถ้าซื้อที่นั่นอย่างมากก็แค่คนเดียวครับ (ยิ้ม)”.

โปรดปรานกล้องสไตล์คลาสสิก

“เวลาเราไปเที่ยว รูปถ่ายมันบอกอะไรได้หลายอย่าง ถ้าเราไปไหนแค่ไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน เวลาผ่านไปเราก็ไม่ได้ลืมหรอก แต่มันอาจไม่ได้นึกถึง แต่พอเราเก็บเป็นรูปถ่าย เราเห็นมันก็จะเห็นสีหน้า ก็จะนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นได้ง่ายขึ้น เหมือนเป็นเครื่องมือช่วยจำ ซึ่งช่วงนี้ผมชอบกล้องมาก เพราะได้รู้จักเพื่อนที่เล่นกล้อง ก็แชร์ภาพไปมา คือก่อนซื้อกล้องเราก็ตัดสินใจจากรูปของเพื่อน ๆ ที่แชร์มาในกรุ๊ปไลน์ แล้วผมก็ชอบภาพโทนกล้องไลก้า มันมีมู้ดแอนด์โทนที่บอกว่าอารมณ์คนในภาพ อย่างกล้องที่ผมใช้อยู่ปัจจุบัน คือ “ไลก้า เอ็ม 240” ครับ ถูกใจมันเพราะเริ่มจากเลนส์ไลก้าก่อน ซึ่งภาพที่ออกมาจากเลนส์ไลก้ามันสวยจริง ๆ เลยทำให้เราซื้อตัวนี้ รูปลักษณะของมันก็สวยดี ดูโบราณ เหมือนกล้องฟิล์ม”

ภาพถ่ายที่ประทับใจ

“ภาพที่ผมชอบถ่ายส่วนใหญ่เป็นหน้าคน วิวก็ชอบถ่าย ก็ถ่ายไปเรื่อย ๆ ส่วนภาพประทับใจที่ผมถ่ายเองก็มีหลายรูป อย่างรูปคลื่นริมทะเลที่ถ่ายติดท้องฟ้า ที่มัลดีฟส์ ผมถ่ายตอนเย็น ๆ เป็นรูปสุดท้ายในชีวิตกล้องตัวเก่า ที่พอถ่ายเสร็จกล้องก็ตกน้ำเลยครับ (ยิ้ม) ผมชอบรูปนี้นะ ดูแล้วมันสวยดี สบายตา และก็มีอีกรูปที่ชอบคือรูปเสือในสวนสัตว์ที่เกาหลีครับ ที่ผมชอบเพราะผมถ่ายด้วยเลนส์มือหมุน ไม่ใช่ออโต้โฟกัส แล้วมันได้จังหวะเสือมันกำลังซุ่มอยู่ แล้วเราถ่ายได้ตอนทำท่ากำลังหันมาหาเราพอดีเลย”...

เลือกแฟชั่นที่ตัวเองมั่นใจ

“จริง ๆ ผมไม่เชิงตามแฟชั่น ไม่ถึงขั้นช่วงนี้ฮิตอะไรต้องใส่ตาม ถ้าเขาฮิตและเราคิดว่ามันสวย เราก็ซื้อตาม แต่ถ้าไม่อินก็จะไม่ได้บังคับให้ตัวเองไปซื้อ ส่วนวิธีการเลือกแฟชั่น จริง ๆ เรื่องนี้แนะนำกันไม่ได้ แต่เราเอาที่มั่นใจเวลาที่ใส่แล้วกัน อย่างน้อยเราส่องกระจกแล้วต้องมั่นใจก่อน เราเดินออกข้างนอกก็จะไม่คิดว่าตัวนี้ดีมั้ย คือส่องที่บ้านให้มั่นใจ หลังจากนั้นคือเดินไปเลยเต็มที่ อย่างมีนัดใคร นัดแฟน นัดเพื่อน ก็แต่งจากบ้านให้พร้อม คิดไว้เลยล่วงหน้า เวลาออกจากบ้านเราก็มั่นใจ อย่างผมก่อนออกจากบ้านจะคิดว่าวันนี้จะทำอะไร แล้วผมเป็นคนที่ไม่ชอบการพะรุงพะรัง ถ้าวันไหนไปห้างแอร์เย็น ๆ เราก็ใส่เสื้อผ้าได้เต็มที่ หยิบตัวที่มันหนา ๆ มาใส่ได้หน่อย แต่ถ้าวันไหนไปที่ร้อน ๆ เราก็จะใส่เสื้อยืด และก็ดูให้ถูกกาลเทศะด้วยครับ”

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »