"แบงค์-ปรีติ" เป็นรุ่นใหญ่ ที่เข้าใจโลก


เรียกว่าเป็นไอดอลของวัยรุ่นหลายยุคหลายสมัย ที่ไม่ว่าจะมีผลงานอะไรออกมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ เสมอ สำหรับนักร้อง-นักแสดง “แบงค์–ปรีติ บารมีอนันต์” หรือ “แบงค์ แคลช” และล่าสุด แบงค์ก็เพิ่งปล่อยเพลง “ตายก็ยอม”

เรียกว่าเป็นไอดอลของวัยรุ่นหลายยุคหลายสมัย ที่ไม่ว่าจะมีผลงานอะไรออกมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ เสมอ สำหรับนักร้อง-นักแสดง “แบงค์–ปรีติ บารมีอนันต์” หรือ “แบงค์ แคลช” และล่าสุด แบงค์ก็เพิ่งปล่อยเพลง “ตายก็ยอม” และมิวสิกฟิล์มเนื้อหาสุดจี๊ดใจออกมา เอาใจคนอกหักให้ได้อินกันจนน้ำตาไหล พร้อมทั้งกำลังจะมีละครเวทีฟอร์มยักษ์ อย่าง “ลอดลายมังกร เดอะมิวสิคัล” ออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันอีกด้วย งานเต็มมือแถมฮอตแบบนี้ เลยพลาดไม่ได้ ต้องขอนัดหนุ่มสุดเท่คนนี้มาพูดคุยถึงผลงาน และเรื่องราวในชีวิตกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ

ตอนนี้มีอะไรให้แฟน ๆ ติดตามกันบ้าง?

"ตอนนี้มีมิวสิกฟิล์มเพลง “ตายก็ยอม” เป็นมิวสิกวิดีโอที่เราถ่ายทำเหมือนภาพยนตร์ เพลงนี้เป็นเพลงที่เราเขียนเองจากชีวิตจริงในช่วงวิกฤติความรักของผม และเขียนบทมิวสิกวิดีโอเอง รวมทั้งเป็นผู้ช่วยผู้กำกับด้วย เพลงนี้จะมีกลิ่นอายความเป็นแคลช เหมือนตอนทำเพลงเป็นวงแคลช เป็นการตอบแทนแฟน ๆ ที่บอกมาเยอะว่า อยากให้เพลงแบบนั้นออกมาอีก สำหรับเพลงนี้ใครที่เพิ่งเลิกกับแฟนฟังแล้วจะเจ็บมาก อยากให้ลองติดตามชมกันดูครับ และมีละครเวที “ลอดลายมังกร” ผมรับบท “อาเหลียง” เป็นตัวละครที่ยาก มีมิติของตัวละครเยอะมาก เพราะเราจะต้องถ่ายทอดตั้งแต่ช่วงอาเหลียงเป็นหนุ่มจนแก่ ทำให้ต้องตีความทำการบ้านหนักมาก ยังไงก็อยากให้ลองชมกัน เปิดแสดง 13 ตุลาคม นี้ ที่เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ครับ”

เราผ่านยุคที่เปรี้ยงมาก ๆ จนถึงตอนนี้เรามีมุมมองการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปไหม?

“ผมอยู่วงการมา 16 ปี นานจนตกผลึกแล้วว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่อยู่บนเวที หรือสิ่งที่อยู่ในจอ มันคือบทบาท ถ้าใครรู้จักผมจริง ๆ จะรู้ว่าผมเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตธรรมดามาก ๆ ไม่มีความหวือหวาอะไรเลย ซึ่งการใช้ชีวิตเรียบง่าย ผมไม่ชอบการปาร์ตี้เหมือนที่หลาย ๆ คนเขาชอบไป แต่มันทำให้เรามีความสุขดีเหมือนกันนะ ส่วนวงการทำให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น เมื่อก่อนเข้ามาวงการใหม่ ๆ ผมเป็นคนขี้โมโห ไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่พอทำงานมากถึงมีความใจเขาใจเรามากขึ้นครับ”

หลายคนมองว่าเราเป็นคนติสต์เข้าถึงยาก?
“เวลาทำงานผมจะจริงจังมาก เวลาเครียด ๆ จะไม่มีใครกล้าเข้ามาเฉียดเท่าไหร่ เพราะผมจะ ค่อนข้างปิด แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสตลอดเวลา มันก็มีช่วงปรับโหมดมาเฮฮาตลก เป็นธรรมดาได้ คนเราอยู่ในอารมณ์เดียวไม่ได้หรอก บนเวทีผมจะเป็นคนติสต์ แต่พอลงเวทีผมก็ถอดหัวโขนออก เพราะสิ่งที่ทำบนเวทีมันเป็นฟิลลิ่ง เวลาใช้ชีวิตปกติ ผมก็เป็นคนทั่วไปนี่แหละครับ”..

เราคิดว่าอะไรทำให้เราอยู่ ในวงการมาได้นานขนาดนี้?

“ความแปลกของผมมั้ง (หัวเราะ) คงเป็นความจริงใจครับ และที่สำคัญก็คือแฟนคลับที่คอยสนับสนุน อีกส่วนหนึ่งก็คือ ตัวเราที่ต้องพัฒนา และเป็นคนดีขึ้นทุกวัน ไม่ใช่ยิ่งดังแล้วต้องทำตัวเป็นรุ่นใหญ่ ใครแตะไม่ได้ สำหรับผมยิ่งโตขึ้นต้องยิ่งเป็นคนดี ยิ่งเราผ่านอะไรมามาก เราก็ต้องยิ่งทำตัวน่ารักกับคนอื่นมากขึ้น รวมทั้งเข้าใจโลก เข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้นครับ รวมไปถึงการปฏิบัติกับแฟน คลับ ผมปฏิบัติกับแฟนคลับเหมือนพี่น้องกัน มีอะไรเราเตือน มีแฟนคลับผมคนหนึ่งมีลูกสองคน แต่เขาเอาเวลามาตามผม ผมเลยคุยกับเขาว่า ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ครอบครัวสำคัญกว่าพี่ ตามพี่ในไอจีก็ได้ เขาก็นั่งร้องไห้ ผมไม่ได้ไปดับฝันเขานะแต่เราคุยด้วยเหตุผล เราเข้าใจว่าเขารักเรา แต่เราก็รักเขาเหมือนกัน ถ้าไม่รักเราคงไม่พูด ไม่สนใจหรอกครับ เพราะผมกับแฟนคลับเราอยู่กันแบบครอบครัว”

แฟน ๆ ยังเรียกร้องให้ “วงแคลช” กลับมาอีกครั้งไหม?

“เรียกร้องทุกวัน ผมก็อยากบอกว่าเรากลับมาแน่นอน 100% และใกล้ถึงเวลาแล้วด้วยครับ แต่ผมบอกได้เท่านี้จริง ๆ ยังไงต้องรอดูกัน”

ในชีวิตมีสิ่งไหนที่เราทำแล้วรู้สึกภูมิใจที่สุด?

“ภูมิใจที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่ได้มีสิ่งที่ทำผิดพลาดมากนัก ผมล้างหนี้ให้พ่อแม่ได้ ดีใจที่พ่อแม่ คนในครอบครัวมีความสุข เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของผมคือครอบครัวครับ”

เพิ่งปิดฉากรัก 13 ปีไปหมาด ๆ อะไรทำให้ความรักครั้งนี้จบลง?
“เราอยู่กันมานานผ่านการเป็นแฟน เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนกันมาหมด ระหว่างการใช้ชีวิตด้วยกันมันก็มีปัญหาที่ไม่ใหญ่มากเกิดขึ้น คือ การที่เราคบกันนาน ความเข้าใจเรามีให้กัน แต่การให้เกียรติกันอาจจะน้อยลง มองข้อเสียของกันและกันมากขึ้น และรู้สึกว่าบางอย่างมันรักษาไม่หาย จนเราคิดตกผลึกแล้วว่า เราลองแยกกันดูซิว่าท้ายที่สุดแล้วจะเป็นยังไง ถอยหลังกลับไปคนละก้าว มันเป็นการเลิกกันแบบไม่มีใครผิด บางครั้งก็มีความรู้สึกเคว้งคว้างเหมือนกันที่หันไปไม่มีเขาอยู่ เรางงอยู่ว่าการใช้ชีวิตคนเดียวต้องทำยังไง เพราะเราคบกันมานานมาก ๆ แต่การอยู่คนเดียวก็มีข้อดีคือเราได้เห็นตัวเองมากขึ้น เรื่องความเสียใจเราเสียใจกันทั้งคู่ครับ แต่เราก็ยังรักและยังมีความหวังดีให้กันเสมอ แต่ถ้าเขาจะมีคนใหม่ก็ต้องถามผมก่อนว่าคนนั้นดีหรือเปล่า เพราะผมเป็นผู้ชายมันดูกันออก เพราะผมอยากให้เขาเจอสิ่งที่ ดี ๆ ครับ ยังไง เรารักกันมากจนถ้าวันหนึ่งเราเห็นเขามีแฟนใหม่ที่ดีกว่าแล้วเขามีความสุข เราจะไม่เสียใจ มันข้ามความรู้สึกที่ว่าเราต้องเกลียดคนใหม่ของเขา เราจะยืนปรบมือดีใจถ้าเขาได้เจอคนดี มีเวลาให้เขา และเรามีความสุขกับเขาด้วยครับ”.

ผ่านความรักครั้งนี้มาทำให้ทัศนคติด้านความรักของเราเปลี่ยนไปไหม?

“ผมไม่ได้คิดว่าพอเลิกกับแฟน แล้วเราต้องหาแฟนใหม่เลย แต่ถ้าจะมีเดี๋ยวก็มาเอง ปล่อยชีวิตไปตามหัวใจ อะไรจะเกิดขึ้นก็ปล่อยให้เป็น ไป ไม่แน่ผมอาจจะเจอผู้หญิงคนหนึ่งแล้วชอบอาจจะแต่งงานเลยก็ได้ใคร จะไปรู้ เพราะโลกนี้มันประหลาดอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ พูดตรง ๆ ตอนนี้ผมลืมการจีบผู้หญิงไปแล้ว (หัวเราะ) เพราะไม่ได้จีบใครมานานมาก แต่ถามว่าผมชอบคนแบบไหน ผมชอบคนคิดบวก ต้องเป็นผู้หญิงเก่งที่ดูไม่เก่ง ดูเป็นผู้หญิงธรรมดา และต้องรักครอบครัวเป็นหลักครับ”

เราถือว่าเป็นคนเจ้าชู้ไหม?

“ผมยอมรับว่าเคยเจ้าชู้ แต่เลิกมา 5-6 ปีแล้ว เพราะกลับมาคิดว่า จะเจ้าชู้เพื่ออะไร เราเบื่อการใช้ชีวิตแบบนั้น พอเลิกแล้วรู้สึกชีวิตดีขึ้นมาก รู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงหน้าแล้วเราจะไปหาความสุขปลอม ๆ ทำไมเพราะมันคือความหลง ไม่ใช่ความรักครับ”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่รักเรามาเสมอไหม?
“ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ครับ ผมมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะทุกคน แฟน ๆ เราอยู่กันมานานมาก หลายคนที่เคยตาม ตอนนี้ก็แต่งงานมีลูกกันไปแล้วก็เยอะ คนที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กลงท้ายว่าแคลชก็มากมาย เหมือนเรามีฐาน พี่น้องเยอะมาก ถ้าไม่มีพวกเขาเราก็อยู่ไม่ได้นานขนาดนี้ ผมเชื่อว่าผมเป็นศิลปินคนหนึ่งที่สามารถพูดอะไรตรง ๆ กับแฟนคลับได้ โดยไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ อะไรของผมที่ไม่ดีผมจะบอกว่าอย่าทำตาม เพราะผมก็ยอมรับว่าเคยผิดพลั้งมาบ้าง ถ้าคนที่มองผมเป็นไอดอล ก็เก็บแต่สิ่งดี ๆ ของผมไปครับ”.. 

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »