เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั๊ก บงกช เบญจรงคกุล จะเดินทางไปร่วมสวดมนต์ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ที่โรงพยาบาลศิริราช ในช่วงบ่าย โดย ตั๊ก เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาสวดมนต์ให้พระองค์ท่านเนื่องจากพอดีคุณแม่ไปฟอกไตที่โรงพยาบาล และตนไม่มีงาน ประกอบกับตั้งใจอยากไปตั้งหลายวันที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งตนตั้งใจสวดบทโพชฌังคะปะริตตัง เมตตาใหญ่ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และพาหุงมหากา ซึ่งเป็นบทสวดตามที่พระท่านแนะนำ ตนก็ตั้งจิตอธิฐานให้พระองค์ท่านแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ประชาชนต่อไปนาน ๆ ตนไปวันนี้วันแรก แต่กำหนดไม่ได้ว่าจะไปกี่วัน หากไปที่สวดมนต์ที่ศิริราชไม่ได้ก็สวดที่บ้านได้ อยู่ที่ใจเรา ถ้าว่างก็ไปกัน
ตั๊ก กล่าวด้วยน้ำเสียงปีติว่าถึงความรักและความประทับใจที่มีต่อในหลวงว่า ตนมีเรื่องราวประทับใจเกี่ยวกับพระองค์เยอะมาก แม่ได้พาไปรอรับท่านออกเสด็จตั้งแต่ตนยังเด็ก เราไปในฐานะประชาชนทั่วไปที่เวลาที่ท่านออกเสด็จไปงานไหนพระองค์ก็จะแวะพูด คุยกับประชาชนก่อนที่จะเข้าวัดพระแก้ว ตนคือคนนึงที่นั่งรอท่านตั้งแต่ตี 3 เราต้องไปจองที่ไว้ กลัวไม่ได้ด้านหน้า แล้วพระองค์ท่านก็เสด็จลงมาก่อนถึงประตูวัดพระแก้วอีก พระองค์จะเดินคุยกับประชาชนมาตลอด กระทั่งมาถึงที่ตนกับแม่นั่งอยู่ คุณแม่ก็ถวายเงินแก่ท่าน 20 บาท พระองค์ท่านก็ตรัสว่าจะเก็บไว้ไปบำรุงประเทศ นำไปช่วยเหลือประชาชนต่อไป และพระองค์ก็ตรัสกับตนว่าให้ตั้งใจเรียน และนำพระหัตถ์มาแตะที่ศีรษะ บอกให้เราเป็นเด็กดี เชื่อฟังแม่ ตอนนั้นตนยังเด็กมาก จะถามแม่ตลอดว่าทำไมเราต้องมาตั้งแต่ตอนตี 3 แม่ก็บอกว่าอีกหน่อยเมื่อพระองค์อายุมากขึ้น อาจไม่ค่อยได้เสด็จมาเจอ เราก็อาจไม่ค่อยได้เห็นท่าน คือ ณ ตอนนั้นจำได้ว่าเราไปรอเข้าเฝ้าเวลาท่านเสด็จเยี่ยมประชาชนแบบนี้บ่อยมาก รู้สึกตัวเองโชคดีมาก
ตั๊ก กล่าวต่อว่า คุณพ่อและคุณแม่ของตนเลิกกันตั้งแต่ยังเด็ก ทุกวันพ่อแห่งชาติตนต้องไหว้พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ตลอด อาจารย์ที่โรงเรียนจะคอยบอกให้เด็กที่คุณพ่อไม่มาไปต่อแถวไหว้รูปพระฉายา ลักษณ์ในหลวง และตนก็นำดอกไม้ไปไหว้พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ทุกปี ตั้งแต่เล็กจนโต เปรียบเสมือนเป็นพ่อของเรา ส่วนคำสอนของท่านเราก็มีนำมาใช้ในชีวิตบ้าง พยายามทำตามที่พระองค์ท่านสอน หนึ่งเลยคือมีศีลธรรม ยึดมั่นในธรรม เมื่อเรามีธรรมเราก็จะมีจิตใจที่ดีขึ้น และอย่าทำลายความหวังคนอื่น ให้เราพอเพียงในสิ่งที่มี ใช้เท่าที่มี อย่าไปเบียดเบียนคนอื่นเพื่อให้ได้สิ่งเราอยากได้ ท่านคอยอนุรักษณ์ความเป็นไทย และเรื่องความรักที่มีต่อแม่ ตนชอบมากเวลาที่พระองค์อยู่กับสมเด็จย่า พระองค์จะหอมและกอดสมเด็จย่าตลอด เชื่อฟังสมเด็จย่าเสมอ เราได้เห็นในสิ่งที่พระองค์ทำให้ประชาชนเยอะมาก จึงทำให้ตนรู้สึกว่าพระองค์ไม่เคยเอาเปรียบเราเลย ทำให้ตนรักในหลวงมาก และตนเชื่อว่าทุกคนรักพ่อหลวงของเรามาก ท่านทำสิ่งดี ๆ ไว้เยอะ ท่านช่วยเปิดโอกาสให้คนชั้นรากหญ้า และท่านก็ไม่เคยให้ทิ้งการเกษตร ท่านตรัสว่าแม้เราจะเพาะปลูกไม่ดีแต่ต้องปลูกต่อไป ตนเป็นคน จ.สุพรรณฯ และทางบ้านปลูกข้าว มีโรงสี เราก็ดำเนินรอยตามคำสอนนั้น และเรายังอยู่ได้ แม้ว่าอาจมีน้ำท่วมบ้าง แต่เราไม่เคยทิ้งที่นา เพราะพระองค์เคยตรัสสอนว่าอย่าขายที่นา ให้เก็บที่เอาไว้เพาะปลูกและขาย แม้ขายได้นิดหน่อยก็ขายไป แต่อย่าขายที่ทำมาหากิน เราเชื่อพระองค์ท่านมาโดยตลอด และสุดท้ายวันนี้เราก็ยังคงอยู่ได้ ทางญาติตนก็นำที่ไปจำนองบ่อย ตนก็ไปไถ่มา เพราะถ้าเราไม่มีที่ทำมาหากิน เราต้องพึ่งพ่อคนกลาง เราก็จะถูกหักค่าที่ของพ่อค้าคนกลาง แต่ถ้าเราปลูกข้าวในที่นาเราก็จะได้เงินเต็มจำนวน ถ้าพระองค์ไม่สอนจุดนี้ชาวนาก็จะเชื่อตามที่พ่อค้าบอก ให้ขายที่เพื่อให้ได้เงินก้อน สุดท้ายเงินก้อนหมดไป เราก็ไม่มีอะไรเหลือ ทางบ้านเราดำเนินชีวิตตามคำสอนพระองค์มาตลอด มันไม่ได้รวยมากแต่เราก็อยู่ได้อย่างไม่อด
นักแสดงสาว กล่าวอีกว่า ตอนที่ได้ยินแถลงการณ์อาการพระประชวรล่าสุด คือด้วยความที่เราอยู่กับคุณแม่ที่มีอาการป่วยขึ้น ๆ ลง ๆ เลยรู้สึกว่าผ่านจุดใจหายมาได้แล้ว สิ่งที่เราคิดว่าจะช่วยได้คือเรื่องการสวดมนต์ ซึ่งช่วยได้จริง ๆ ส่วนตัวเวลาที่ตนสวดมนต์ อย่างการสวดพระไตรปิฎกในทุกวัน เราก็ถวายแก่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ตลอดอยู่แล้ว สุดท้ายตนรู้ว่าทุกคนรู้สึกเหมือนกัน อาจมีความเสียใจ ท้อแท้ ตนก็เป็นกำลังใจให้ อย่าคิดมาก อย่าเสพข่าวเยอะ เพราะไม่รู้อะไรจริงหรือไม่ เอาเท่าที่เรามีสมาธิอยู่กับตัวเรา และเราก็สวดมนต์ ส่งใจไปให้พระองค์ ยิ่งสวดมนต์ให้พระองค์กันเยอะ ศรัทธายิ่งแรง
ด้าน จูน กษมา ศิลาชัย ภรรยาของเปิ้ล นาคร ศิลาชัย ก็ได้พาลูกชาย น้องออก้า เดินทางไปร่วมสวดมนต์ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่ โรงพยาบาลศิริราช เช่นกัน โดย จูน เปิดเผยว่าตนยังไม่เคยมาสวดมนต์แบบนี้ แต่พอเห็นพี่น้องพสกนิกรชาวไทยมาร่วมสวดมนต์ให้พ่อหลวง ตนก็คิดในใจว่าต้องมาสักครั้งให้ได้ เพราะตนมีกำหนดคลอดน้องในท้องเดือนหน้าและตอนนี้ยังไหว ประกอบกับวันนี้ออก้า ลูกชายหยุดเรียน เลยตัดสินใจพาเขามาด้วยเพื่อให้เขาได้รับรู้และซึมซับว่าคนไทยรักในหลวงมาก แค่ไหน ซึ่งเราก็เล่าให้เขาฟังว่าเรากำลังทำอะไร เพราะอยากให้เขาได้จำความทรงจำตรงนี้ อยากปลูกฝังเขา ซึ่งตนมาถึงที่โรงพยาบาลตั้งแต่เวลา 10.00 น.รู้สึกขนลุกและปีติใจมาก มีประชาชนมาร่วมสวดมนต์เพื่อพระองค์เยอะมาก ทุกคนล้วนยิ้มแย้มและร่วมใจ เรารู้เลยว่าทุกคนมาเพื่อสิ่งเดียวเลยคือถวายบุญกุศลแด่ในหลวง ซึ่งทุกคนล้วนมีน้ำใจ อย่างเขาเห็นเราท้องใหญ่เดินมา ทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือ ทำให้เรารู้สึกดี ตนตั้งใจมาสวดมนต์และก็ทำเต็มที่ อยากนำบุญกุศลที่เราสร้าง รวมไปถึงบุญของน้องออก้า และลูกในท้องทั้งหมดถวายให้แด่ในหลวง ตนได้อธิฐานให้ในหลวงอย่างเดียว ทำสมาธิให้ได้มากที่สุด เพื่อมอบให้ท่าน ซึ่งวันนี้อากาศก็เป็นใจ ไม่มีแดด ไม่ร้อน เรานั่งสวดมนต์จนถึงช่วง 13.30 น. ก็ออกมา เพราะต้องไปรับออกัสกลับจากโรงเรียน
จูน กล่าวถึงความประทับใจที่มีต่อในหลวงว่า ตั้งแต่เกิดมาและจำความได้ เราก็เห็นในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถมาโดยตลอด ความรู้สึกทุกอย่างอยู่ข้างใน แค่เพลงสรรเสริญขึ้น เราก็รู้สึกซึ้งใจน้ำตาคลอแล้ว รักยิ่งว่าพ่อแม่ของเรา มันอยู่ก้นบึ้งหัวใจ ถึงบอกว่ามีโอกาสก่อนคลอดครั้งนี้จึงมาก่อน เพราะรู้ตัวว่าหากคลอดก็ต้องพักฟื้นอย่างน้อยก็ 1 เดือน มันอยู่ที่ใจเราอย่างเดียวเลยว่าอยากมา ซึ่งครั้งนี้พี่เปิ้ล นาครเป็นไข้ จึงไม่ได้มาด้วย แต่เขาอยากมามาก และอยากให้ออกัสมาด้วย เพราะอยากให้เด็ก ๆ มาซึมซับที่ตรงนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีมาก ให้มารับรู้ว่าคนไทยทั้งประเทศต้องทำอะไร เดี๋ยวเราจะหาโอกาสมาสวดมนต์ให้ท่านทั้งครอบครัวอีกครั้ง ซึ่งตนอยากบอกว่าประชาชนคนไทย หากมีโอกาสมาสวดมนต์ให้พระองค์ที่ รพ.ศิริราช ก็ให้มา แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องมา อยู่ที่บ้านก็ตั้งใจสวดมนต์ถวายบุญแด่ท่าน ทำความดีให้แก่ท่านก็ได้ เอาที่สะดวกที่สุด รวมทั้งทำความดีตามที่ท่านบอก และอยากฝากถึงประชาชนออนไลน์ทั้งหลาย อย่าไปตระหนกกับข่าวลือ ให้รอฟังแถลงประกาศทางพระราชสำนัก ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตให้ปกติ ติดตามกันอย่างไม่ตระหนก และทำความดีถวายแด่ท่าน